Main Menu

Recent posts

#1

ประวัติ มูสซ่า ดิยาบี้ แนวรุกทีมชาติฝรั่งเศสของ แอสตัน วิลล่า
ทีมชาติ : ฝรั่งเศส 10 นัด – 0 ประตู (2021-?)
สโมสรปัจจุบัน : แอสตัน วิลล่า 3 นัด – 2 ประตู (2023-?)

มูสซ่า ดิยาบี้ (Moussa Diaby) เกิดวันที่ 7 กรกฎาคม 1999 ที่ประเทศฝรั่งเศส เริ่มต้นเล่นฟุตบอลระดับเยาวชน กับสโมสร Espérance Paris 19ème (2009-2013) จากนั้นย้ายสู่อคาเดมี่ของ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง แล้วถูกดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในฤดูกาล 2017/18 แต่ยังไม่ได้ลงสนาม โดยถูกส่งไปเก็บเลเวลกับ โครโตเน่ (กัลโช่ เซเรียอา) ก็ได้ลงเล่นแค่ 2 นัด

ฤดูกาล 2018/19 มูสซ่า ดิยาบี้ ได้รับโอกาสจาก PSG มากขึ้น ได้ลงเล่น 34 นัดยิง 4 ประตู มีส่วนในการพาทีมคว้าแชมป์ลีกเอิง ซึ่งจากผลงานดังกล่าว ทำให้ เลเวอร์คูเซ่น ยอมจ่ายเงิน 15 ล้านยูโร พร้อมสัญญา 5 ปี ซื้อตัวไปร่วมทีม แล้วเป็นตัวหลักทันทีในฤดูกาล 2018/19 โดยยืนเป็นแนวรุกร่วมกับ ไค ฮาร์แวร์ตซ์ และ คาริม เบลเลราบี้ ยิง 8 ประตู จาก 39 นัดรวมทุกรายการ

ฤดูกาล 2019/20 มูสซ่า ดิยาบี้ ลงเล่น 43 นัดรวมทุกรายการ ยิง 10 ประตู ยืนตัวแนวรุกตัวหลักร่วมกับ เลออน ไบลีย์ และ พาทริค ชีค แล้วมาระเบิดฟอร์มยิง 17 ประตู จาก 42 นัดรวมทุกรายการ เป็นรองแค่ พาทริค ชีค (24 ประตู) พา เลเวอร์คูเซ่น จบที่ 3 คว้าตั๋ว UCL

ฤดูกาล 2022/23 มูสซ่า ดิยาบี้ พลาดลงเล่น บุนเดสลีก้า เพียงแค่นัดเดียวจากอาการบาดเจ็บ ยิง 1 ประตู จ่าย 2 แอสซิสต์ ในเกมชนะ ชาลเก้ 4-0 แล้วยิงอีก 1 ประตูในเกมชนะ แฟรงค์เฟิร์ต 3-1 นั่นวรวมถึงการยิง 2 ประตู ในเกมชนะ ยูเนี่ยน เบอร์ลิน 5-0 จบซีซั่นนี้ด้วยการยิง 14 ประตู จ่าย 11 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 48 นัด นอกจากนั้นแล้ว ยังยิงอีก 3 ประตูในยูโรป้าลีก พาทีมเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ ก่อนจะแพ้ โรม่า 0-1 กับ 0-0 จอดป้ายแค่รอบนั้น

ฤดูกาล 2023/24 (ปัจจุบัน) แอสตัน วิลล่า จ่ายเงิน 52 ล้านปอนด์ ดึงตัว มูสซ่า ดิยาบี้ มาร่วมทีม เป็นการได้ร่วมงานกับ เลออน ไบลีย์ อีกครั้ง เปิดตัวนัดแรกในวันที่ 12 สิงหาคม 2023 ยิง 1 ประตูใส่ นิวคาสเซิล (แพ้ 1-5) จากนั้นอีก 15 วัน จัดการยิง 1 จ่าย 1 ใส่ เบิร์นลีย์ (ชนะ 3-1)
ในส่วนของการรับใช้ชาติ มูสซ่า ดิยาบี้ เปิดตัวกับ ทีมชาติฝรั่งเศส วันที่ 1 กันยายน 2021 ในเกมคัดบอลโลก 2022 ที่เสมอกับ บอสเนีย 1-1 โดยลงไปแทนที่ของ คีลิยาน เอ็มบ๊าปเป้ ในนาที 90 อยู่ในสนาม 1 นาที หลังจากนั้นถูกเรียกคัดบอลโลกอีก 3 นัด มี 1 แอสซิสต์ ในเกมชนะ คาซัคสถาน 8-0 (ลงเล่น 19 นาที) แต่ไม่อยู่ในทีมชุดฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้าย
#2

กาเบรียล เชซุส คือตัวความหวังของ อาร์เซนอล และยิงประตูให้ทีมมาแล้วมากมาย จนแฟนบอลปืนใหญ่บอกเอาไว้ว่า ชายคนนี้แหละที่ทำให้ทีมมีความหวังในการลุ้นแชมป์ หลังจากที่ไม่เคยหวังแบบนี้มาหลายปี ดังนั้นฝีเท้าของเขา ต้องบอกว่าจัดจ้านมาก ส่วนประวัติส่วนตัวเป็นอย่างไร เราจะมาดูไปพร้อมกัน

ชื่อเต็ม กาเบรียล เชซุส
วันเกิด 3 เมษายน 1997 (25 ปี)
สถานที่เกิด เมืองเซา เปาโล ประเทศบราซิล
ส่วนสูง 175 เซนติเมตร
ตำแหน่ง กองหน้า

เส้นทางของการเป็นนักฟุตบอลของ กาเบรียล เชซุส

การเดินทางในเส้นทางนักฟุตบอลมืออาชีพของ กาเบรียล เชซุส เริ่มต้นตั้งแต่เป็นเด็ก ด้วยความที่เจ้าตัวมีพรสวรรค์อยู่แล้ว ทำให้เขาแสดงฟอร์มเก่งตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เข้าร่วมกันทีม ซึ่งครั้งนั้นเขายังอยู่กับทีม Anhanguera เป็นสโมสรแรกในชีวิตของเขา ด้วยสไตล์การเล่นที่ไม่เหมือนนักเตะคนใด ไม่ว่าจะเป็นความรวดเร็ว และการจบสกอร์ ทำให้มีหลายทีมที่อยากจะได้เขาไปร่วมทีมด้วย

และในปี 2015 เชซุส ก็เริ่มได้ลงเล่นฟุตบอลในฐานะนักฟุตบอลตัวจริง โดยเขาได้เล่นกับทีมชุดใหญ่ของ พัลไมรัส และที่นี่เขาก็ได้พัฒนาฝีเท้าของตัวเองให้เหนือขึ้นไปอีกระดับ จนทำให้แฟนบอลตั้งฉายาให้เขาว่า เครื่องจักรสังหาร และด้วยฟอร์มอันร้อนแรงของเขา ทำให้ เชซุส กลายเป็นที่จับตาจากยักษ์ใหญ่ในยุโรป แล้วก็เป็นทาง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ได้ตัวของ เชซุส ไปร่วมทีม

และในถิ่นของ เอติฮัท สเตเดี้ยม นี่เอง ที่ทำให้เขาโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม สามารถยิงประตูได้ตั้งแต่การลงเล่นในเกมแรก และพาทีมคว้าแชมป์มากมาย ตลอดการเล่นทั้งหมด 159 นัด สามารถทำประตูไปได้สูงถึง 558 แต่หลังจากนั้นก็โชคชะตาก็เปลี่ยน เพราะการเข้ามาของ เออลิงค์ ฮาร์แลนด์ ทำให้เรือใบสีฟ้า ตัดสินใจขาย เชซุส ให้กับปืนใหญ่ อาร์เซนอล ด้วยมูลค่า 45 ล้านปอนด์

หลังจากที่ได้ย้ายมาที่ เอมิเรท สเตเดี้ยม ผลงานขนองเขาก็เป็นที่ประจักษ์ของแฟนบอลอีกครั้ง และชายคนนี้นี่เอง ที่เป็นคนสร้างความหวังในการลุ้นแชมป์ให้กับทัพปืนใหญ่ จากการลงเล่นใน 14 เกมของเขา กับ อาร์เซนอล เขาสามารถยิงประตูไปแล้วถึง 5 ประตู เรียกว่าฟอร์มร้อนแรงสุดๆ แม้ในฤดูกาล 2022-2023 อาร์เซนอลจะพลาดท่าเสียแชมป์ในโค้งสุดท้าย แต่ในฤดูกาลหน้า เชื่อว่าฟอร์มของทัพปืนใหญ่ จะต้องกลับมาร้อนแรงอีกอย่างแน่นอน

เกียรติประวัติ

ทีมชาติบราซิลชุดใหญ่

•   แชมป์โคปา อเมริกา : 2019

แมนเชสเตอร์ ซิตี้

•   แชมป์พรีเมียร์ลีก : 2017-18, 2018-19, 2020-21, 2021-22
•   แชมป์เอฟเอ คัพ : 2018-19
•   แชมป์ลีก คัพ: 2017-18, 2019-20, 2020-21
•   ชนะเลิศคอมิวนิตี้ ชิลด์: 2018, 2019

ทีมชาติบราซิล ยู-23

•   เหรียญทองโอลิมปิก : 2016
#3


ประวัติ นาธาน อาเก้ กองหลังทีมชาติเนเธอร์แลนด์ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ทีมชาติ : เนเธอร์แลนด์ 37 นัด ยิง 5 ประตู (2017-?)
สโมสรปัจจุบัน : แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 83 นัด ยิง 7 ประตู (2020-?)

นาธาน อาเก้ (Nathan Aké) เกิดวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 1995 ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ เริ่มต้นเล่นฟุตบอลระดับเยาวชน กับอคาเดมี่ของสโมสร เดน ฮาก ช่วงปี 2002-2007 จากนั้นย้ายไปอยู่ในอคาเดมี่ของ เฟเยนูร์ท ช่วงปี 2007-2011 แล้วมาอยู่ในอคาเดมี่ของ เชลซี ในปี 2011 จากนั้นในปี 2012 ได้มีส่วนร่วมกับทีมชุดใหญ่ของ เชลซี แต่ไม่ใช่ตัวหลัก

ฤดูกาล 2012/13 นาธาน อาเก้ ลงเล่นให้ เชลซี 6 นัด เป็นเกมพรีเมียร์ลีก 3 นัด จากนั้นในฤดูกาล 2013/14 ถูกส่งไปเก็บเลเวลกับ เรดดิ้ง (เดอะ แชมป์เปียนชิพ) ได้ลงเล่นแค่ 5 นัด ต่อด้วยการไปเล่นกับ วัตฟอร์ด (พรีเมียร์ลีก) ในฤดูกาล 2015/16 ได้ลงเล่น 28 นัดรวมทุกรายการ
ฤดูกาล 2016/17 ช่วงแรกยังกลับมาเล่นให้ เชลซี ต่อมาถูกปล่อยตัวให้ บอร์นมัธ (พรีเมียร์ลีก) ยืมตัวไปใช้งานในฤดูกาลเดียวกัน ได้ลงเล่นพรีเมียร์ลีก 10 นัด ยิง 3 ประตู หนึ่งในนั้นคือการยิงใส่ ลิเวอร์พูล ในเกมพรีเมียร์ลีก นัดที่ 14 ของซีซั่นนั้น แล้วทีมน็อคหงส์แดง 4-3
ฤดูกาล 2017/18 นาธาน อาเก้ ย้ายไปอยู่กับ บอร์นมัธ แบบถาวร ด้วยค่าตัว 20 ล้านปอนด์ กลายเป็นนักเตะค่าตัวแพงที่สุดของสโมสร พร้อมกับยึดตัวหลักของทีมได้ตลอด 3 ฤดูกาล พาทีมรอดตกชั้น 2 ฤดูกาล แล้วมาพลาดในฤดูกาล 2019/20 บอร์นมัธ ตกชั้นด้วยอันดับ 18 สรุป 3 ฤดูกาลที่อยู่กับทีม ลงเล่น 121 นัด ยิง 7 ประตู

ฤดูกาล 2020/21 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จ่ายเงิน 41 ล้านปอนด์ ดึงตัว นาธาน อาเก้ มาร่วมทีม แต่ไม่ใช่ตัวหลักใน 2 ฤดูกาลแรก ได้ลงเล่นในพรีเมียร์ลีก 10 กับ 14 นัดตามลำดับ จากนั้นในฤดูกาล 2022/23 อาเก้ได้รับโอกาสมากขึ้น ได้ลงเล่น 41 นัดรวมทุกรายการ มีส่วนสำคัญในการพาทีมคว้าทริปเปิ้ลแชมป์

ฤดูกาล 2023/24 (ปัจจุบัน) นาธาน อาเก้ ยังอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ลงเล่น 2 นัดรวมทุกรายการ (169 นาที)
ในส่วนของการเล่นทีมชาติ นาธาน อาเก้ เปิดตัวกับ ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ วันที่ 31 พฤษภาคม 2017 ในเกมอุ่นเครื่องที่ชนะ โมร็อคโก 2-1 โดยได้ลงเล่นแบ็คซ้าย 90 นาที จากนั้นเป็นขาประจำของทัพออรันเยร์เรื่อยมา ติดทีมในยูโร 2018 ได้ลงเล่น 2 นัดในรอบแบ่งกลุ่ม ที่ชนะ ยูเครน 3-2 (ลงเล่น 26 นาที) และ ชนะ ออสเตรีย 2-0 (ลงเล่น 26 นาที) เนเธอร์แลนด์ ไปไกลแค่รอบ 16 ทีมสุดท้าย (แพ้ เช็ค 0-2)

หลังจากนั้น นาธาน อาเก้ มีอาการบาดเจ็บ แทบไม่ได้ลงเล่นให้ทีมชาติ รวมไปถึงรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2022 แต่รอบสุดท้ายหายจากอาการบาดเจ็บ แล้วมีชื่อติดทีมไปด้วย ได้ลงเล่น 5 นัด หนึ่งในนั้นคือเกมที่แพ้จุดโทษ อาร์เจนติน่า 5-6 (รอบ 8 ทีม)
#4

เข้าสู่ฤดูกาลใหม่ 2023-2024 กันเรียบร้อยสำหรับทุกลีกในยุโรป และอีกไม่นานฟุตบอลรายการใหญ่ที่สุดของทวีปจะกลับมาได้ฤกษ์เปิดแข่งขันชิงชัยกันอีกครั้งแล้ว ซึ่งรายการนี้คือเป้าหมายสูงสุดของทุกทีมที่ต้องการคว้าแชมป์มาครอบครองให้ได้ ส่วนทีมล่าสุดที่คว้าไปครอง ได้แก่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เอาชนะ อินเตอร์ มิลาน ได้อย่างงดงามเมื่อฤดูกาลที่แล้ว และในบทความนี้จะมาสรุปให้ได้รู้กัน ว่าทีมอะไรที่คว้าแชมป์ UCL ได้มากที่สุดตลอดกาล

ทำเนียบแชมป์ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ลีก

    1 สมัย -  กลาสโกว เซลติก, ฮัมบูร์ก, สเตอัว บูคาเรสต์, โอลิมปิก มาร์กเซย, โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ , เฟเยนูร์ด, แอสตัน วิลล่า, พีเอสวี ไอน์โอเฟ่น, เร้ดสตาร์ เบลเกรด และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้
    2 สมัย -  ยูเวนตุส, เบนฟิก้า, เชลซี, น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ และ ปอร์โต้
    3 สมัย - แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ อินเตอร์ มิลาน
    4 สมัย – อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม
    5 สมัย - บาร์เซโลน่า
    6 สมัย – ลิเวอร์พูล กับ บาเยิร์น มิวนิค
    7 สมัย - เอซี มิลาน
    14 สมัย - เรอัล มาดริด


จะเห็นได้ว่าอันดับ 1 อย่างราชันชุดขาวคว้าแชมป์รายการไปครองได้มากที่สุดอย่างขาดลอย ทิ้งทีมอื่นๆไปไกลจากความเยี่ยมยอดที่มีมาตลอด แล้วยังได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าพ่อแห่งรายการนี้ตัวจริงเสียงจริง ทั้งยังเคยครองแชมป์ UCL ได้ 3 สมัยติดเป็นทีมแรก และยังสร้างสถิติสุดยอดเอาไว้มากมาย

ส่วนลีกยอดนิยมอย่างพรีเมียร์ลีกนั้น บรรดาทีมดังต่างตบเท้าคว้าแชมป์มาครองกันได้แล้วเกือบครบถ้วน มากสุดคือหงส์แดงที่ได้มาครองมากที่สุด 6 สมัย รองลงมาคือปีศาจแดง 3 สมัย เชลซี กับ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 2 สมัย และ 1 สมัยมี แอสตัน วิลล่า กับทีมล่าสุดที่ทำได้เมื่อฤดูกาล 2022-2023 อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขาดอยู่แค่เพียง อาร์เซน่อล ที่ทำได้ดีสุดคือรองแชมป์ เช่นกันกับ สเปอร์ ที่เคยเข้าชิงแต่ก็พลาดไป

ฤดูกาลใหม่ 2023/2024 ใกล้จะเปิดฉากขึ้นในเร็วๆนี้แล้ว จะมีการจับสลากแบ่งสายของทั้ง 32 ทีม 8 กลุ่มกันก่อน ซึ่งในรอบนี้ทีมจากชาติเดียวกันจะไม่อยู่ในกลุ่มเดียวกัน 100% จากนั้นจะหา 2 ทีมที่ดีที่สุดเข้าสู่รอบ 16 ทีมต่อไป เมื่อเข้ามาแล้วจะเป็นการแข่งขันแบบน็อคเอาท์แพ้คัดออก โดยทีมที่คว้าอันดับ 1 ในแต่ละกลุ่ม จะถูกจับไปเจอกับอันดับ 2 ของแต่ละกลุ่ม แข่งกันไปเรื่อยๆ รอบ 8 ทีม, 4 ทีม จนไปถึงรอบชิงชนะเลิศในบั้นปลาย เพื่อหาทีมที่แข็งแกร่งที่สุดเพียงหนึ่งเดียว
#5

ฟุตบอลโลกคือมหกรรมฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกตัวจริงเสียงจริง เมื่อจะเอาแค่ 32 ทีมที่ผ่านการคัดเลือกของแต่ละทวีปมาแข่งขันกันเท่านั้น ในการหาทีมที่สุดยอดที่สุดของโลกในแต่ละปี โดยครั้งล่าสุดเมื่อปี 2022 ที่ทีมที่ขึ้นไปครองแชมป์ได้ในท้ายที่สุดก็คือ อาเจนติน่า ซึ่งในนัดชิงชนะเลิศกับทีมชาติฝรั่งเศส ยังถูกยกให้จากหลายๆสื่อว่าเป็นนัดชิงที่สนุกที่สุดตลอดกาลอีกด้วย และในวันนี้จะมาเปิดสถิติที่น่าสนใจของฟุตบอลโลก ที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้มาก่อน

-ชาติแรกที่เป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกคือ ?
โดยประเทศแรกที่เป็นเจ้าภาพคือ อุรุกวัย ในปี 1930 แล้วทีมชาติอุรุกวัยยังเป็นชาติแรกที่คว้าแชมป์ได้อีกด้วย

-ชาติที่ครองแชมป์โลกมากที่สุดคือ ?
ทีมชาติบราซิล โดยครองแชมป์ไปทั้งหมด 5 สมัย ได้แก่ 1968, 1962, 1970, 1994 และ 2022

-ชาติที่เข้าร่วมแข่งขันมากที่สุดในโลกคือ ?
ทีมชาติบราซิล เป็นทีมที่ลงเล่นรายการนี้มากที่สุดไปถึง 22 ครั้งเลยทีเดียว

-ชาติที่เข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกมากที่สุดคือ ?
ทีมชาติเยอรมันนี ที่เข้าชิงฟุตบอลโลกได้เยอะถึง 8 ครั้ง แล้วยังเป็นชาติที่ทะลุถึงรอบรองชนะเลิศได้มากที่สุดด้วย 13 ครั้ง

-ชาติที่เคยเป็นเจ้าภาพมากกว่า 1 ครั้งมีกี่ชาติ ?
ในประวัติศาสตร์ที่เคยมีมา มีเพียง 5 ชาติเท่านั้นที่รับบทการเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกมากกว่า 1 ครั้งขึ้นไป ประกอบด้วย บราซิล, เยอรมันนี, ฝรั่งเศส, อิตาลี และ เม็กซิโก

-ชาติที่ห่างเหินจากการเล่นฟุตบอลโลกมากที่สุดคือ ?
ทีมชาติเวลส์ โดยต้องใช้เวลาถึง 64 ปี ในการกลับมาลงแข่งขันฟุตบอลโลกได้อีกครั้ง

-นักเตะที่ทำประตูได้มากที่สุดของฟุตบอลโลกคือ ?
มิโลสลาฟ โคลเซ่ จอมเวหาทีมชาติเยอรมัน ที่ทำประตูรวมไปได้ 16 ประตูด้วยกัน

-นักเตะที่ลงแข่งขันฟุตบอลโลกเยอะที่สุดคือ ?
โลธาร์ มัทเธอุส นักเตะสุดแกร่งของทีมชาติเยอรมันนี กับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ของทีมชาติโปรตุเกส ที่ลงเล่นฟุตบอลโลกเท่ากัน 5 สมัย และ โรนัลโด้ ยังเป็นนักเตะคนแรกของโลก ที่ยิงประตูในฟุตบอลโลกได้ทั้ง 5 ครั้งที่ลงแข่ง

-นักเตะอายุเยอะที่สุดที่ลงเล่นฟุตบอลโลกคือ ?
เอสซัม เอล ฮาดารี ผู้รักษาประตูของทีมชาติอียิปต์ ที่มีอายุ วัย 45 ปี 5 เดือน

-นักเตะอายุน้อยที่สุดที่ลงเล่นฟุตบอลโลกคือ ?
นอร์แมน ไวท์ไซด์ ตัวรุกทีมชาติไอร์แลนด์ ที่มีอายุตอนลงเล่นฟุตบอลโลกคือ 17 ปี 40 วันเท่านั้น

-นักเตะอายุน้อยที่สุดที่ทำประตูได้ในฟุตบอลโลกคือ ?
เปเล่ ตำนานทีมชาติบราซิล ทำประตูได้ในวัย 17 ปี 239 วัน
#6

ประเทศไทยขึ้นชื่อว่ามีน้ำตกหลากหลายที่ที่สวยงามอย่างมากซึ่งกระจายอยู่ทั่วประเทศในหลายๆจังหวัด แต่ละที่แต่ละแห่งมีเอกลักษณ์ความโดดเด่นเฉพาะตัวที่น่าสนใจ ที่ทำให้นักท่องเที่ยวหลายคนตกหลุมรักจนต้องไปซ้ำแล้วซ้ำแล้ว และบทความนี้ได้คัดเอาน้ำตกที่ควรค่าแก่การไปอย่างมาก 5 แห่ง ที่ทั้งหมดเต็มไปด้วยความมหัศจรรย์ของธรรมชาติอย่างที่ไม่ควรพลาดเลยทีเดียว

5 น้ำตกสุดมหัศจรรย์ของประเทศไทย

1.น้ำตกทีลอซู จังหวัดตาก
น้ำตกทีลอซูเป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงโด่งดังไม่ใช่เฉพาะในประเทศ แต่คือระดับโลก ในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมความงดงามของน้ำตกแห่งนี้กันไม่ขาดสาย ที่นี่คือน้ำตกธรรมชาติที่สวยสุดมหัศจรรย์อย่างมาก มีความสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 900 เมตร สามารถมองเห็นได้จากที่ไกลๆ แต่หากเข้าไปดูใกล้ๆจะยิ่งตกตะลึงว่าทำไมที่นี่ถึงสุดยอดได้ขนาดนี้

2.น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น จังหวัดกาญจนบุรี
กาญจนบุรีขึ้นชื่อเรื่องล่องแพพักผ่อนตามธรรมชาติกันเป็นส่วนใหญ่ แต่เรื่องน้ำตกนั้นก็ไม่น้อยหน้าที่ไหน อย่างยิ่งกับน้ำตกห้วยแม่ขมิ้นที่สวยสดงดงามเป็นอย่างมาก น้ำตกมีด้วยกัน 7 ชั้น แล้วแต่ละชั้นสามารถเที่ยวชมความสวยงามได้อย่างไม่แตกต่าง หากได้ลองมาจังหวัดนี้ อย่าลืมมาแวะรับพลังงานที่แสนสดชื่นยังน้ำตกห้วยแม่ขมิ้น

3.น้ำตกเหวนรก จังหวัดนครราชสีมา
ชื่อน้ำตกของที่นี่โหดสมชื่อจริงๆ เพราะว่าน้ำตกเหวนรกจะต้องเดินเท้าไปเท่านั้น ทางทั้งเล็กทั้งแคบทั้งชัน แต่ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด เพราะการดูแลความปลอดภัยนั้นมีเป็นอย่างดี แล้วพอไปถึงสถานที่จะพบกับความคุ้มค่าที่ได้มา เพราะมันสวยงดงามราวกับภาพวาด ทั้งธรรมชาติที่นี่เต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ ยิ่งหากไปช่วงที่มีแสงแดดลงมากระทบกับน้ำตกล่ะก็ จะฟินหัวใจกันถ้วนหน้าแน่นอน

4.น้ำตกเอราวัณ จังหวัดกาญจนบุรี
นี่คือหนึ่งน้ำตกที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย เพราะมีครบทุกอย่างที่ทำให้ที่นี่หลายเป็นน้ำตกสุดมหัศจรรย์ที่นักท่องเที่ยวต้องมาสัมผัสด้วยตาตัวเองให้ได้สักครั้ง น้ำตกเอราวัณ มีทั้งหมด 7 ชั้น แต่ละชั้นเดินทางไม่ยาก โดยเส้นทางแต่ละชั้นเต็มไปด้วยธรรมชาติที่งดงามดีต่อไป น้ำใสสะอาดสีมรกต เห็นปลาแหวกว่ายกันอย่างชัดเจน จากทั้งหมดที่มีของที่นี่ ต้องบอกว่าสุดยอดสมคำร่ำลือ

5.น้ำตกคลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร
ชื่อเสียงของที่นี่เป็นที่ถูกพูดถึงไม่นานนัก โดยน้ำตกคลองลาน นั่นเป็นน้ำตกขนาดใหญ่มาพร้อมกับความสวยงามอย่างที่สุด เมื่อน้ำตกลงมาจะมาสะสมอยู่ข้างล่างที่สามารถลงไปเล่นได้ด้วยความเย็นฉ่ำแสนสดชื่น ที่นี่ยังเป็นที่ยอดฮิตของการมาตั้งแคมป์อีกด้วย หนึ่งในน้ำตกสุดมหัศจรรย์ของไทย น้ำตกคลองลาน
#7
ตัวแรงเขาเลย  :o
#8

Kawasaki Z650 เป็น Naked Bike อีกรุ่นของคาวาซากิ ที่ร้อนเเรงเเละเป็นที่นิยมกันเป็นอย่างยิ่ง โดยมันมาพร้อมทั้งสมรรถนะเครื่องยนต์ที่เเรงเเละรูปลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ตามสไตล์รถของตระกูล Z ที่จะทำให้ผู้ขับขี่รู้สึกติดอกติดใจจนอยากนำออกไปขับขี่ในทุกวันเลยก็ว่าได้

Kawasaki Z650 นั้นมีมิติตัวรถด้วยการที่มีความกว้างอยู่ที่ 765 มิลลิเมตร ทางด้านความยาวอยู่ที่ 2,115 มิลลิเมตร เเละมีความสูงที่ 1,065 มิลลิเมตร โดยมีระยะห่างช่วงล้ออยู่ที่ 1,410 มิลลิเมตร ส่วนระยะห่างจากพื้นอยู่ที่ 130 มิลลิเมตร เเละมีความสูงของเบาะ 790 มิลลิเมตร ถังน้ำมันเชื้อเพลิงขนาด 15 ลิตร ทำให้มีน้ำหนักรวมสุทธิอยู่ที่ 188 กิโลกรัม นับว่าเป็นรถขนาดกลางอีกรุ่นของคาวาซากิที่มีมิติรถขนาดใหญ่

สมรรถนะของ Kawasaki Z650 นั้นก็เรียกว่าร้อนเเรงด้วยการพกพาขุมกำลังเครื่องยนต์ขนาด 649 ซีซี โดยเป็นเครื่องยนต์เเบบ Liquid-cooled, 4-stroke Parallel Twin มีระบบวาล์วเเบบ DOHC, 8 valves ความกว้างกระบอกสูบ x ช่วงชัก อยู่ที่ 83.0 x 60.0 มิลลิเมตร  อัตราส่วนแรงอัดอยู่ที่ 10.8 : 1 ส่วนระบบคลัทช์เป็นคลัทช์เปียกหลายแผ่นแบบธรรมดา โดยมีระบบเกียร์เป็นเเบบ 6 สปีด, ย้อนกลับ โดยมีระบบจุดระเบิดเป็นเเบบดิจิตอล ส่วนระบบจ่ายเชื้อเพลิงเป็นเเบบ Fuel injection: ø36 mm 2 with dual throttle valves โดยที่มีระบบสตาร์ทเป็นเเบบไฟฟ้า นับว่าเป็นรถอีกรุ่นของคาวาซากิที่มีสมรรถนะสูงพอสมควรเลยทีเดียว

Kawasaki Z650 นั้นมีเฟรมเเบบ TRELLIS ที่มีน้ำหนักเบา ส่วนทางด้านระบบกันสะเทือนหน้าเป็นเเบบ ø41 mm telescopic fork ในขณะที่ระบบกันสะเทือนหลังเป็นเเบบ Horizontal Back-link with adjustable preload ในขณะที่ระบบเบรกด้านหน้าจะเป็นเเบบ Dual semi-floating ø300 mm petal discs, Caliper- Dual piston ส่วนระบบเบรกด้านหลังจะเป็นเเบบ Single ø220 mm petal disc, Caliper- Single-piston โดยที่ยางหน้ามีขนาด 120/70ZR17M/C (58W)  ส่วนยางหลังมีขนาด 160/60ZR17M/C (69W) หน้าจอเเสดงผลมีขนาด 4.3 นิ้วเเบบ all-digital TFT colour เบาะนั่งเป็นเเบบ 2 ที่นั่งกระชับสรีระเป็นอย่างยิ่ง โดยตัวบอดี้มี 3 สีด้วยกันทั้งสีเขียว CANDY LIME GREEN / METALLIC SPARK BLACK (2021), สีเทา METALLIC SPARK BLACK (2020) เเละสีเขียว CANDY LIME GREEN / METALLIC SPARK BLACK (2020) เรียกว่าสวยงามและน่าสนใจทั้ง 3 สี

สนราคาของ Kawasaki Z650 นั้นเคาะราคาขายออกมาที่เรท 292,200 บาท สำหรับรุ่นที่มีสี CANDY LIME GREEN / METALLIC SPARK BLACK (2021) ส่วนรุ่นที่มีสีเทา METALLIC SPARK BLACK (2020) ก็จะขายในราคา 302,200 บาท เเละรุ่นที่มีสีเขียว CANDY LIME GREEN / METALLIC SPARK BLACK (2020) ขายในราคา 298,700 บาท นับว่าเป็นรถอีกรุ่นที่มีราคาน่าสนใจไม่น้อย
#9

Kawasaki Ninja ZX-10R เป็นรถที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในสนามเเข่งขันอีกรุ่นของคาวาซากิ โดยในรายการเเข่งขัน Superbike World Championship (WSB) ก็รั้งอันดับ 2 ในปี 2012, คว้าแชมป์ในปี 2013 และอันดับ 2 ในปี 2014 และในซีซั่นปัจจุบัน Jonathan Rea นักบิดระดับโลกประจำทีมคาวาซากิก็ยังคงครองแชมป์ไว้ได้ ถือว่าเป็นอีกรุ่นของคาวาซากิที่น่าสนใจ

โดย Kawasaki Ninja ZX-10R มีมิติตัวรถที่น่าสนใจ โดยมันมาพร้อมกับความกว้างอยู่ที่ 740 มิลลิเมตร ทางด้านความยาวอยู่ที่ 2,085 มิลลิเมตร เเละมีความสูงที่ 1,145 มิลลิเมตร โดยมีระยะห่างช่วงล้ออยู่ที่ 1,440 มิลลิเมตร ส่วนระยะห่างจากพื้นอยู่ที่ 145 มิลลิเมตร เเละมีความสูงของเบาะ 835 มิลลิเมตร ถังน้ำมันเชื้อเพลิงขนาด 17 ลิตร ทำให้มีน้ำหนักรวมสุทธิอยู่ที่ 206 กิโลกรัม เป็นอีกโมเดลที่น่าสนใจของคาวาซากิ

Kawasaki Ninja ZX-10R นั้นมาพร้อมกับขุมกำลังเครื่องยนต์ขนาด 998 ซีซี โดยเป็นเครื่องยนต์เเบบ Liquid-cooled, 4-stroke In-Line Four มีระบบวาล์วเเบบ DOHC, 16 valves ความกว้างกระบอกสูบ x ช่วงชัก อยู่ที่ 76 x 55 มิลลิเมตร  อัตราส่วนแรงอัดอยู่ที่ 13.0 : 1 ส่วนระบบคลัทช์เป็นเเบบ  Wet multi-disc, manual โดยมีระบบส่งกำลัง 6-speed, return โดยมีระบบจุดระเบิดเป็นเเบบ Digital ส่วนระบบเชื้อเพลิงเป็นเเบบ Fuel injection: ø47 mm x 4 with dual injection โดยมีระบบสตาร์ทเป็นเเบบ Electric เป็นอีกรุ่นที่ได้ดีเอ็นเอจากสนามเเข่งมาเต็มๆ

Kawasaki Ninja ZX-10R มาพร้อมกับเฟรมเเบบอลูมิเนียม TWIN-SPAR / สวิงอาร์มอลูมิเนียม โดยเชื่อมต่อเป็นแนวตรงจากคอไปจนถึงแกนสวิงอาร์ม ส่วนทางด้านระบบกันสะเทือนหน้านั้นได้รับการพัฒนาประสิทธิภาพด้วยโช้คอัพระบบ Balance Free ส่วนด้านหลังได้โช้คอัพ BFRC lite รุ่นใหม่ล่าสุดจาก Showa ซึ่งมีน้ำหนักเบากว่าและขนาดเล็กกว่าแบบ Cushion ที่เคยใช้มาก่อน ระบบห้ามล้อหน้ามาพร้อมระบบเบรกหน้าตัวท็อปจาก Brembo ซึ่งคล้ายกับระบบที่ใช้ในรุ่น Ninja H2R การปรับแต่งด้วยเทคโนโลยีพิเศษจากโรงงาน Brembo ทำให้มั่นใจได้ว่าการระบบเบรกจะตอบสนองด้วยความรวดเร็วและแม่นยำ ส่วนระบบห้ามล้อหลังเป็นเเบบ Single ø220 mm disc Single-bore pin-slide โดยมีขนาดยางหน้า 120/70ZR17M/C (58W) ส่วนขนาดยางหลัง 190/55ZR17M/C (75W) ส่วนเรือนไมล์เป็นเเบบสี TFT ที่สามารถเชื่อมต่อกับโทรศัพท์สมาร์ทโฟนเพื่อเพิ่มความเพลิดเพลินในการขับขี่ใช้งาน ทางด้านของโคมไฟหน้าดูสปอร์ตเร้าใจเเบบ LED มีระบบกันสะบัดแบบใหม่จาก ÖHLINS ที่ควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งทำงานแปรผันตามความเร็วและอัตราการเร่งความเร็วหรือลดความเร็ว นอกจากนี้โครงกระจังหน้ารถและจอแสดงการทำงานโฉมใหม่ พร้อมกับส่วนท้ายที่ยาวขึ้น ส่งให้ตัวรถดูปราดเปรียวกะทัดรัดขึ้น ส่วนสีของตัวบอดี้นั้นมีด้วยกัน 3 สี ทั้งสีเขียว LIME GREEN (2020) หรือจะเป็นสีเทา METALLIC SPARK BLACK/METALLIC FLAT SPARK BLACK (2020) เเละสี LIME GREEN / EBONY / METALLIC GRAPHITE GRAY (2019)

ส่วนทางด้านของราคาขายนั้น Kawasaki Ninja ZX-10R เคาะราคาขายออกมาที่ 709,000 บาท สำหรับสีเขียว LIME GREEN (2020) เเละสี LIME GREEN / EBONY / METALLIC GRAPHITE GRAY (2019) ส่วนทางด้านของสีเทา METALLIC SPARK BLACK/METALLIC FLAT SPARK BLACK (2020) นั้นขายที่ราคา 704,000 บาท
#10

Kawasaki KLX140R F นับว่าเป็นเอ็นดูโร่ อีกรุ่นของคาวาซากิ ที่รังสรรค์ขึ้นมาเพื่อเป็นคู่หูของนักบิดร่างสูงใหญ่ โดยผสมผสานความแข็งแกร่งของโครงรถแบบ perimeter ที่ใช้ในรถวิบากตระกูล KX และระบบกันสะเทือนสำหรับรถวิ่งระยะไกล รวมทั้งวงล้อขนาดใหญ่ขึ้น ส่วนสมรรถนะนั้นก็เเรงน่าสนใจเมื่อมีเครื่องยนต์ขนาดเล็กแบบ 1 สูบ เหมาะกับการขับไปในเส้นทางวิบาก

มิติตัวรถของ Kawasaki KLX140R F ก็น่าสนใจเพราะมันมีความกว้างอยู่ที่ 790 มิลลิเมตร ทางด้านความยาวอยู่ที่ 2,005 มิลลิเมตร เเละมีความสูงที่ 1,135 มิลลิเมตร โดยมีระยะห่างช่วงล้ออยู่ที่ 1,330 มิลลิเมตร ส่วนความสูงใต้ท้องรถอยู่ที่ 315 มิลลิเมตร เเละมีความสูงของเบาะนั่งที่ 860 มิลลิเมตร ถังน้ำมันเชื้อเพลิงขนาด 5.8 ลิตร ทำให้มีน้ำหนักรวมสุทธิอยู่ที่ 99 กิโลกรัม

มาดูกันต่อที่สมรรถนะเครื่องยนต์ของ Kawasaki KLX140R F ก็น่าสนใจเพราะขุมกำลังเครื่องยนต์ขนาดเล็กเเบบสูบเดียว ที่มีขนาด 144 ซีซี ที่เป็นเครื่องยนต์เเบบ Air-cooled, 4-stroke Single มีระบบวาล์วเเบบ SOHC, 2 valves ความกว้างกระบอกสูบ x ช่วงชัก อยู่ที่ 58.0 x 54.4 มิลลิเมตร  อัตราส่วนแรงอัดอยู่ที่ 9.5 : 1 ส่วนระบบคลัทช์เป็นคลัทช์เปียกหลายแผ่นแบบธรรมดา มีระบบหล่อลื่น เเบบ Forced lubrication, wet sump ส่วนระบบส่งกำลังเป็นเเบบ 5 สปีด, ย้อนกลับ มีระบบจุดระเบิดเป็นเเบบ Digital DC-CDI ส่วนระบบจ่ายเชื้อเพลิงเป็นCarburettor: PB20 โดยที่มีระบบสตาร์ทเป็นเเบบไฟฟ้า

Kawasaki KLX140R F มีเฟรม Perimeter ที่ผลิตจากเหล็กรับแรงดึงสูงใหม่แบบ All-new ส่วนระบบกันสะเทือนหน้าเป็น ø33 mm telescopic fork ส่วนระบบกันสะเทือนหลังเป็นเเบบ Uni-Trak with aluminium single shock; piggyback reservoir; adjustable preload; adjustable compression and rebound damping โดยที่ระบบเบรคด้านหน้าจะเป็นเเบบ Single ø220 mm petal dice ส่วนระบบเบรคด้านหลังจะเป็นเเบบ Single ø190 mm petal dice ขนาดยางหน้าอยู่ที่ 2.75-21 45M ส่วนขนาดยางหลังอยู่ที่ 4.10-18 59M หน้าจอเเสดงผลขนาดเล็กเเบบดิจิตอล มีการออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ที่ผสมผสานระหว่างการใช้งานและรูปทรงที่สมบูรณ์แบบ ที่พักเท้าและโครงรถสไตล์รถวิบากช่วยให้วางเท้าได้ถนัดขึ้น โครงรถแบบกล่องถูกปรับให้มีพื้นผิวเรียบแบนเพื่อให้ผู้ขี่สามารถใช้เท้ายึดกับตัวรถได้ดีขึ้น ส่วนที่พักเท้ามีขนาดยาวขึ้น ทั้งยังอยู่ในตำแหน่งกึ่งกลางของตัวรถ ช่วยให้ผู้ขี่นั่งในท่าที่สบายและวางเท้าได้สบายขึ้น คันสตาร์ทด้วยเท้าถูกตัดออกไปเพื่อให้ผู้ขี่ควบคุมรถได้สะดวกขึ้น โดยตัวบอดี้มีด้วยกัน 2 สีทั้งสีเขียว LIME GREEN (2023) กับสีเขียว LIME GREEN (2022)

ราคาขายของ Kawasaki KLX140R F นั้นเคาะออกมาที่ 107,600 บาท นับว่าเป็นรถเอ็นดูโร่ อีกรุ่นของคาวาซากิที่มีเรทราคาน่าสนใจครอบครองเป็นเจ้าของ